ไทยรัน(ThaiRun) เปิดตัวเทคโนโลยีสุดล้ำ “Face X” ครั้งแรกของโลก ใช้ Big Data/AI พัฒนานวัตกรรมผลักดันงานวิ่งไทยสู่มาตรฐานโลก

งานวิ่ง บางแสน 42”  ชลบุรีมาราธอน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนางานวิ่งไทยสู่มาตรฐานโลก และมุ่งหวังให้เป็นหนึ่งในงานมาราธอนหลักที่ห้ามพลาดของเอเชียเพื่อปูทางสู่การเป็น World Major Marathon ในอนาคต

ทั้งนี้หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงานนี้ คือ การเปิดตัวเทคโนโลยี Face X ระบบจดจำใบหน้า( Image Recognition) ที่พัฒนาโดยคนไทย  ในการลงทะเบียนและบันทึกข้อมูลสำคัญเพื่อความปลอดภัยของนักวิ่ง รวมถึงการป้องกันการปลอมแปลงบุคคลที่เข้ามาในงานและมีการเปลี่ยนตัวผู้รับรางวัล ซึ่งช่วยให้การบริหารจัดการงานวิ่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของงานวิ่งของไทยและครั้งแรกของโลกที่มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Emerging Technology)  ทั้งการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่(Big Data) และ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent :AI) เข้ามาบริหารจัดการในการจัดการแข่งขันเพื่อพัฒนางานวิ่งของไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานโลก

ไทยรันฮับความสุขนักวิ่งกับการสร้างธุรกิจแบบมีส่วนร่วม

นายกมล สิริชัน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไทยดอทรัน จำกัด กล่าวว่า ไทยรัน(ThaiRun) เป็นสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของไทย ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้มีความยั่งยืน ด้วยการแนวทางธุรกิจแบบมีส่วนร่วม( Inclusive Business) โดยเริ่มจากการสร้าง Platform เพื่อเป็นฮับความสุขของนักวิ่ง (Happy Hub for Runners) เพราะงานวิ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและสามารถต่อยอดการพัฒนาทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจทั้งในท้องถิ่นและระดับชาติได้

บริษัทพยายามออกแบบเทคโนโลยีให้อยู่ในรูปของพื้นที่(Platform) ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเช่น ช่างภาพ สามารถอัพโหลดภาพวิ่งให้กับนักวิ่งได้ไปชมอย่างรวดเร็ว  รวมถึงเป็นพื้นที่การขายสินค้าต่างๆเกี่ยวกับการวิ่ง การจัด Virtual Run เพื่อระดมทุนการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ต่างๆ ซึ่งเป็น platform ที่มีศักยภาพมาก เพราะปัจจุบัน ปัจจุบัน งานวิ่งไม่ใช่แค่วิ่งเท่านั้นแต่เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างยั่งยืนอย่างแท้จริง เพราะทุกครั้งที่มีงานวิ่งในพื้นที่ใดๆ ท้องถิ่นนั้นๆ จะคึกคักและมีเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นมหาศาล เห็นได้จากงานบางแสน 42” ที่โรงแรมต่างๆ ถูกจองเต็ม  ถือเป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ด้วย Sport tourism  ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบและขยายไปในพื้นที่อื่นๆได้ นายกมล กล่าว

รู้จักเทคโนโลยี Face X เพื่อยกระดับงานวิ่ง

ดร.บุญญฤทธิ์  อุยยานนวาระ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไทยดอทรัน จำกัด และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Image processing  กล่าวว่า ไทยรันรู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิ่งมาราธอนบางแสน 42” 2561 ซึ่งทางบริษัทได้มีการเปิดตัวเทคโนโลยี  Face X ซึ่งเป็นการนำระบบการจดจำใบหน้า (Face Recognition) และใข้ร่วมกับการจัดทำ  Big Data/AI มาใช้กับการวิ่งครั้งนี้  โดยแบ่งเป็น

1. Face ID เป็นเทคโนโลยีระบบการจดจำใบหน้า เพื่อนำมาช่วยในการตรวจสอบยืนยันบุคคลของนักวิ่ง ว่าเป็นคนเดียวกัน ตามกฎของ IAAF  โดยรบบ Face ID จะมีการบันทึกประวัติของนักวิ่งที่ระบุไว้ในใบสมัคร  รวมถึงสถิติการวิ่งที่ผ่านมา ถือเป็นมิติใหม่ของงานวิ่งที่มีการใช้เทคโนโลยีนี้ครั้งแรกในงานบางแสน42” ซึ่งผู้เข้าร่วมทั้งหมดจำนวน 7,037 คน ต้องลงทะเบียนผ่าน BIB ที่มีการจดใบหน้า เพื่อทำให้การจัดงานเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน มีความถูกต้อง ยุติธรรมกับนักวิ่งทุกคน ตามมาตรฐานสากล รวมถึงกรณีที่ผู้วิ่งเกิดอาการบาดเจ็บก็สามารถดึงประวัติทางการแพทย์ การแพ้ยาต่างๆ ของนักวิ่งเพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างถูกต้องและทันท่วงทีด้วย

2. Face Search เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ Image processing หรือการประมวลหาภาพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความแม่นยำ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาภายถ่ายของนักวิ่ง  โดยระบบ “Face Search” เป็นระบบการค้นหาภาพจากใบหน้า เพียงโหลดภาพใบหน้าของตนลงในระบบ ระบบจะค้นหาภาพจากใบหน้าใกล้เคียงโดยมีความแม่นยำสูงถึง 95% แสดงผลลัพธ์ภาพได้ค่อนข้างครบถ้วน นักวิ่งไม่จำเป็นต้องหาภาพทีละภาพจากแต่ละกล้องอีกต่อไป

ทั้งนี้การนำ Big Data มาปรับใช้กับการกีฬาและสุขภาพ ถือเป็นเรื่องที่น่าจะจับตามอง เพราะสามารถต่อยอดไปสู่การทำธุรกิจ หรือแม้แต่การจัดทำนโยบายด้านสาธารณสุขที่เหมาะสมให้กับประชาชนในประเทศ  เพราะจะช่วยทำให้รัฐบาลหรือพฤติกรรมการออกกำลังกายของประขาชนซึ่งเป็นการป้องปราม/ป้องกันการเจ็บป่วยได้ดีที่สุด โดยเฉพาะการวิ่งที่สามารถทำกันได้ทุกคนและเป็นเทรนด์ฮิตของทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านการวิ่งสูงมากเพราะอากาศของไทยสามารถวิ่งได้ตลอดทั้งปีได้เปรียบกว่าหลายประเทศดร.บุญญฤทธิ์ กล่าว   

Big Data/AI กับแก้ปัญหา(Pain Point)วงการวิ่ง

ดร.บุญญฤทธิ์ กล่าวถึงเบื้องหลังการนำ Big Data/AI มาแก้ปัญหาสำคัญของงานวิ่งว่า  ที่ผ่านมาการรับสมัครงานวิ่งมีปัญหาต่างๆจำนวนมาก โดยเฉพาะในการรับหมายเลขประจำตัวผู้วิ่ง(BIB) ที่มักมีการปัญหาการนำ BIB ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การซื้อขาย BIB ที่มีส่วนทำให้การจัดการแข่งขันเกิดปัญหา เพราะไม่สามารถระบุตัวนักวิ่งที่แท้จริงได้ ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในการแข่งขัน ดังนั้น เราจึงตัดสินใจในการแก้ปัญหานี้ด้วยการรับสมัครโดยใช้ใบหน้าหรือ Face ID ซึ่งเป็นการจัดทำระบบจดจำใบหน้าด้วยAI ซึ่งง่ายต่อการตรวจสอบ

นอกจากนี้ Face ID ยังต่อยอดมาที่การค้นหารูปภาพ หรือ “Face Search” เพื่อทำให้การค้นหาภาพทำได้รวดเร็วมากขึ้น  เพราะงานวิ่งแต่ละงานมีภาพถ่ายเยอะมาก อย่างเช่นงานบางแสน 42” คาดว่าจะมีภาพจากช่างภาพทั้งหมด 150 คน จำนวน 1 ล้านรูป ซึ่งการค้นหารูปแบบเดิมๆ ไม่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้น Face ID จึงทำให้การหารูปของนักวิ่งง่ายขึ้น  ซึ่งปัจจุบันเว็บ Photo.Thai.Run เป็นเหมือน Photo Stocks ของสังคมนักวิ่ง สร้างความพอใจให้กับทุกฝ่ายทั้งช่างภาพและคนวิ่งที่สามารถอัพโหลด/เลือกชม/ซื้อขายรูปได้อย่างรวดเร็ว

ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไทยดอทรัน จำกัด  กล่าวต่อว่า เราได้ออกแบบเทคโนโลยีให้อยู่ในรูปของ Platform เพื่อรองรับการเข้ามาใช้งานของคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรับสมัครการวิ่ง และการค้นหารูป ซึ่งระบบจะไม่มีการล่ม เพราะเราได้ออกแบบเทคโนโลยีที่สามารถโคลนตัวเองได้  ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภูมิใจเพราะพัฒนาโดยคนรุ่นใหม่ของไทย ที่เรียกว่า “Container Serve Based” ซึ่งเป็นเป็น Server ขนาดเล็กที่สามารถโคลนเพื่อรองรับการทำธุรกรรมที่เข้ามาพร้อมๆกันได้ อีกทั้งระบบที่ออกมาจะเป็นดิจิตอลและสามารถสแกนโดย QR Quote ได้ทั้งหมดเพื่อให้การบริหารจัดการตั้งแต่รับสมัคนจนถึงการวิ่งเสร็จเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด

ข้อมูลต่างๆจะถูกบันทึกไว้ในแบบของBig Data แบบ Real Time ทำให้ผลการแข่งขันมีความเป็นธรรมและมีมาตรฐานสากล เพราะที่การรับสมัครแบบเดิมๆที่ผ่านมาที่ต้องมีการโอนเงินเข้ามา สามารถมีการปลอมแปลงเอกสารกันได้ ดังนั้น ระบบที่ออกแบบมาต้องการที่จะแก้ปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human Errors) ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดและประหยัดเวลาไม่ต้องมานั่งกรอกเอกสารใบสมัครทำข้อมูลใหม่แต่อย่างใด  นี่คือการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อช่วยให้มนุษย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Amplify) เพราะ AI มีความสามารถในการจดจำและการประมวลผลต่างๆให้เร็วกว่ามนุษย์มาก  ดร.บุญญฤทธิ์ กล่าว   

สปิริตมาราธอนกับการพัฒนาประเทศ

นายรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด  ผู้อำนวยการจัดงานบางแสน 42” ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับรางวัลการจัดการวิ่งตามมาตรฐานโลก IAAF Bronze Label Road Race  (ใบรับรองดับเหรียญทองแดง) จาก  สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่คนไทยหันมาให้ความสนใจการวิ่งมาราธอนมากขึ้นซึ่งสามารถนำไปสู่การใช้สปิริตมาราธอนในชีวิตประจำวัน  ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและสำคัญในการสร้างสังคมที่มีคนที่คุณภาพเป็นอย่างมาก เพราะ นักวิ่งนักวิ่งมาราธอนจะเป็นที่มีความอดทนสูงมากและจะสู้กับอุปสรรคและปัญหาทุกรูปแบบ เพราะการวิ่งมาราธอนต้องมีวินัยสูงมาก

ดังนั้น ถ้าเรามีประชาชนที่เข้าใจวิถีแห่งกีฬาที่มีความทรหดแบบนี้ เชื่อว่าประเทศก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองและผู้คนก็จะรักใคร่กันมากขึ้น อีกทั้ง การงานวิ่งมาราธอนสามารถสะท้อนเศรษฐกิจและสังคมได้เพราะประเทศที่เจริญและมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ผู้คนมักจะสนใจเรื่องของสุขภาพ  โดยมาราธอนเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และยังถูกพัฒนาต่อยอดเป็นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ “Sport Tourism” ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทได้พยายามผลักดันมาโดยตลอด นั่นคือการจัดการแข่งขันที่ที่เปิดกว้างให้กับคนทั่วไปที่มักพาครอบครัวมาไปด้วยทำให้มีการใช้จ่ายในพื้นที่มหาศาล เช่นงานบางแสน42” มีนักวิ่ง 7,000 คน ก็จะสามารถนำคนมาท่องเที่ยวใช้จ่ายในพื้นที่ได้ 28,000คน  ซึ่งในต่างประเทศมีงานวิจัยชี้ว่า งานวิ่งมาราธอน 1 งานสามารถสร้างเงินให้กับเมืองใหญ่ๆได้หลายพันล้านบาท  เพราะฉะนั้น เมืองใหญ่ๆทั่วโลกจึงชอบมีการจัดงานวิ่งมาราธอน  นายรัฐ กล่าว

ในส่วนของประเทศไทย ปัจจัยสำคัญในการสร้างเมืองสามารถมี “Sport Tourism” ได้นั้น จะเป็นต้องพื้นที่ที่มีสาธารณูปโภคพื้นที่ฐานที่พร้อม โดยเฉพาะโรงแรมที่พักต่างๆที่ต้องมีความพร้อมให้บริการคนเป็นจำนวนมาก รวมถึงการเดินทางที่สะดวก ไม่ให้เหนื่อยมากเกินไป ดังนั้นต้องมีการพิจารณาเป็นรายพื้นที่ว่ามีความสามารถในการรองรับการจัดงานได้มากเพียงใด ทั้งนี้กิจกรรมงานวิ่งของประเทศไทย ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในรอบปีที่ผ่านมาโดยมีการจัดงานวิ่งถึง 1,200 งาน เกิดขึ้นในเกือบทุกจังหวัด อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นประเทศเป้าหมายของกลุ่มนักวิ่งต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ไต้หวัน ที่มองหาที่วิ่งแปลกใหม่ ดังนั้น  Sport Tourism ในประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก

###

About naruethai

Check Also

Facebook อัปเดตฟีเจอร์ ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมสิ่งที่แชร์และค้นพบบนแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วันนี้ Facebook แนะนำเครื่องมือที่ปรับปุงใหม่เพื่อช่วยให้คุณควบคุมสิ่งที่แชร์ไปยังฟีดข่าวได้มากขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าใครสามารถแสดงความคิดเห็นในโพสต์สาธารณะของคุณได้บ้าง ซึ่งคุณสามารถควบคุมกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาแสดงความคิดเห็นสำหรับโพสต์สาธารณะของคุณได้แล้ว โดยเลือกจากเมนูที่มีให้ ซึ่งสามารถเลือกได้ตั้งแต่ทุกคนที่เห็นโพสต์ไปจนถึงเลือกเฉพาะบุคคลและเพจที่คุณแท็ก

เอชพี พลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้า เปิดโชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศไทย

นำเสนอนวัตกรรมพีซีและพรินเตอร์ล้ำสมัย ผ่านประสบการณ์โต้ตอบแบบอินเทอร์แอคทีฟ เอชพี อิงค์ เผยโฉม HP virtual showroom โชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้กับลูกค้า ครอบคลุม 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะนำลูกค้าเข้าสู่โลกเสมือนจริงที่ทันสมัย สัมผัสประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายตามความต้องการใช้งานที่แตกต่าง