Blue Parking คลอดบริการใหม่ “1MOVE” เจาะกลุ่มผู้ต้องการเพิ่มมูลค่าให้ที่ดินเปล่า เปลี่ยนที่ว่างเป็นลานจอดรถ ด้วยนวัตกรรมลานจอดรถอัจฉริยะแบบไร้คน 100%

เพื่อลดเสี่ยงโควิด พ่วงแอปพลิเคชันใช้งานผ่านโมบาย ตอกย้ำประสบการณ์การจอดรถให้ง่ายกว่าเคย

Blue Parking สตาร์ทอัพผู้คิดค้นนวัตกรรมระบบบริหารที่จอดรถอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ที่เปลี่ยนแปลงประสบการณ์การจอดรถให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “Effortless Parking Experience” เปิดตัว “1MOVE” โมเดลธุรกิจช่วยผู้มีที่ดินว่างเปล่าสร้างแหล่งรายได้ใหม่ บรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ มั่นใจผลตอบรับดีสามารถคืนทุนได้ภายใน 3 เดือน โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่ให้บริการให้ครบ 100 แห่งภายในสิ้นปีนี้ พร้อมต่อยอดเป็น “1MOVE Application” ให้บริการลานจอดรถแบบวันสต็อปเซอร์วิส เอาใจผู้ใช้รถให้สามารถ “สมัคร – จอด – จ่าย” ได้ผ่านแอปพลิเคชันเดียว ไม่ต้องพกบัตรเข้า – ออกลานจอด ลดสัมผัส ลดเสี่ยงจากโควิด-19 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการจอดรถที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี 100% 

แหล่งข่าวจากบริษัท บลู พาร์คกิ้ง จำกัด (Blue Parking) เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจประสบปัญหาด้านรายได้ อีกทั้งยังต้องแบกรับภาระรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของภาครัฐที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากจำเป็นต้องชะลอการลงทุนหรือพัฒนาที่ดินจากภาวะเศรษฐกิจหดตัว ดังนั้นการคิดค้นโมเดลธุรกิจใหม่ “1MOVE” จึงเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และช่วยพลิกวิกฤตให้ที่ดินว่างเปล่ากลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่

โมเดลธุรกิจ 1MOVE แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือการเปิดให้ผู้ที่มีที่ดินว่างเปล่าหรือผู้ที่มีลานจอดรถอยู่แล้วแต่ต้องการปรับให้เป็นระบบ Smart Parking เข้ามาเป็นผู้ประกอบการลานจอดรถอัจฉริยะ ซึ่งทางบลู พาร์คกิ้งจะเข้าไปดูแลตั้งแต่กระบวนการติดตั้งอุปกรณ์และระบบไอที เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเรียกดูรายงานปริมาณการเข้า – ออกลานจอดรถได้เรียลไทม์ผ่านระบบคลาวด์ รวมถึงยังสามารถบริหารจัดการการรับชำระค่าที่จอดรถได้แบบอัตโนมัติ เนื่องจากระบบถูกออกแบบให้มีการตัดเงินผ่านบัตรเครดิตที่ผูกกับแอปพลิเคชันของสมาชิก โดยข้อดีของการเป็นนวัตกรรมที่ใช้เทคโลยี 100% คือจะลงทุนเพียงค่าอุปกรณ์เริ่มต้นเท่านั้น จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรผู้ดูแลลานจอดได้กว่า 50% และจะคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 3 เดือน 

ส่วนที่ 2 คือ 1MOVE Application ที่จะเปิดให้ผู้ใช้บริการที่เป็นสมาชิกสามารถเข้า – ออกลานจอดได้อย่างสะดวกสบายด้วยระบบ Virtual Pass จึงหมดปัญหาเรื่องการลืมบัตรจอดรถ โดยมีบริการให้สมัครสมาชิก (Subscription) บนแอปพลิเคชันทั้งแบบรายครั้ง รายวัน และรายเดือนตามความเหมาะสมในการใช้งาน ส่วนช่องทางการชำระเงินมีให้เลือกหลากหลายประเภททั้ง PromptPay Mobile Banking หรือบัตรเครดิต / เดบิตที่ผูกไว้กับบัญชีผู้ใช้งานในแอปพลิเคชัน ในกรณีที่มีรถยนต์มากกว่า 1 คัน ยังสามารถเพิ่มทะเบียนรถลงบนแอปพลิเคชัน เพื่อให้ระบบจดจำรถทุกคันที่จะนำเข้ามาจอด เบื้องต้นลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพนักงานในอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับลานจอด แต่ประเมินว่าโมเดลธุรกิจ 1MOVE ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีที่ดินว่างเปล่าเข้ามาเป็นผู้ประกอบการจะช่วยให้มีการขยายพื้นที่บริการอย่างครอบคลุมและต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าให้ครบ 100 แห่งภายในสิ้นปีนี้

อีกทั้งในอนาคตผู้ประกอบการลานจอดรถยังสามารถนำข้อมูล (Big Data) ของลูกค้า อาทิ ช่วงเวลาในการเข้า–ออก จำนวนและยี่ห้อรถในครอบครอง และที่ตั้งของลานจอดที่ใช้บริการบ่อย มาวิเคราะห์และต่อยอดใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการทำนายพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปออกแบบการให้บริการและกิจกรรมทางการตลาดได้อย่างเหมาะสม 

ทั้งนี้ 1MOVE Application จะช่วยเปลี่ยนประสบการณ์การจอดรถให้เป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่   เร่งรีบของคนในยุคปัจจุบัน โดยสามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้ที่ลานจอดรถที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ 1MOVE โดยวิธีใช้ทำได้ง่าย ผ่านการเปิดกล้องในหน้าแอปพลิเคชันแล้วสแกน QR Code ยืนยันตัวตนเพื่อเข้าลานจอด จากนั้นเมื่อต้องการนำรถออกให้สแกน QR Code อีกครั้งเพื่อเปิดไม้กั้นและชำระเงินค่าบริการจอดรถผ่านทางออนไลน์ 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 1MOVE ได้ที่ www.blueparking.co.th หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 1MOVE by BLUE PARKING ได้ทั้งบนระบบ iOS และ Android 

###

About naruethai

Check Also

เอชพี พลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้า เปิดโชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศไทย

นำเสนอนวัตกรรมพีซีและพรินเตอร์ล้ำสมัย ผ่านประสบการณ์โต้ตอบแบบอินเทอร์แอคทีฟ เอชพี อิงค์ เผยโฉม HP virtual showroom โชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้กับลูกค้า ครอบคลุม 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะนำลูกค้าเข้าสู่โลกเสมือนจริงที่ทันสมัย สัมผัสประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายตามความต้องการใช้งานที่แตกต่าง

แนะนำจอมอนิเตอร์ถนอมสายตาผสานดีไซน์สุดคลาสสิกจอแรกในไทยจากหัวเว่ย

หากนึกถึงดีไวซ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นสำหรับคนยุคใหม่ทั้งวัยทำงานและวัยเรียน จอมอนิเตอร์มักจะเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่หลายๆ คนนึกถึง เพราะไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ออฟฟิศ ฟรีแลนซ์ นักเรียน นักศึกษา หรือมีไลฟ์สไตล์แบบใดก็ตาม ต่างก็ต้องการตัวช่วยดีๆ มาเพิ่มความสะดวกสบายและเติมเต็มประสบการณ์ในระหว่างการใช้งาน พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างอรรถรสด้านการมองเห็น ด้วยภาพที่คมชัด เต็มตา เก็บรายละเอียดได้ทุกองศา และที่สำคัญต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของดวงตาเมื่อใช้งานต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน …