การควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทีมที่ปรึกษาการซื้อขายกิจการของ เคพีเอ็มจี กล่าว

  • การเติบโตอย่างต่อเนื่องของการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) เป็นผลจากธุรกิจไทยที่ขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ การเพิ่มการลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาด (private equity funds) และธุรกิจที่ต้องการหาตลาดใหม่ในการลงทุนและเพิ่มมูลค่าให้แก่องค์กร
  • ธุรกิจไทยสามารถใช้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการควบรวมและซื้อกิจการโดยการหาผู้ร่วมทุนในกิจการร่วมค้า (joint venture) หรือพันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ
  • เคพีเอ็มจี กล่าวว่าในประเทศไทยการเจรจาต่อรองซื้อขายกิจการที่ไม่สำเร็จส่วนใหญ่เป็นผลจากประเด็นต่างๆ ที่พบจากการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะธุรกิจ (due diligence) 
  • บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการจัดการความแตกต่างทางวัฒนธรรมองค์กรระหว่างสองบริษัทที่ควบรวมกัน เคพีเอ็มจี กล่าว
  • การควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยยังคงมีอนาคตที่เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป 

กรุงเทพฯ 1มีนาคม 2562 – การสำรวจบริษัทที่มีส่วนร่วมในการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยโดย เคพีเอ็มจี แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีความต้องการควบรวมและซื้อกิจการ ประเทศไทยอยู่ในจุดที่เหมาะจะใช้ประโยชน์จากการที่บริษัททั่วโลกยังคงมีความต้องการซื้อขายกิจการ การสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายและข้อดีจากการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยทั้งที่ทำสำเร็จและไม่สำเร็จ นับเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจที่กำลังพิจารณาการซื้อ ขาย หรือ จัดตั้งกิจการร่วมค้ากับธุรกิจอื่น

ประเทศไทยมีการควบรวมและซื้อกิจการเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่าน ๆ มา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทั่วโลกที่ผู้บริหารระดับสูงสุดต่างต้องการการควบรวมและซื้อกิจการ และเพิ่มพันธมิตรเพื่อการเติบโตของธุรกิจ  ซึ่งนอกจากการควบรวมและซื้อกิจการในลักษณะที่เห็นเดิมคือ การควบรวมและซื้อกิจการขนาดเล็กถึงขนาดกลางภายในประเทศและการลงทุนโดยตรงจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังมีการลงทุนจาก private equity และบริษัทข้ามชาติอีกด้วย และธุรกิจไทยเองยังมีการลงทุนในประเทศและนอกประเทศอีกมากเนื่องจากหลายบริษัทกำลังผันตัวเป็นธุรกิจระดับโลกอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะการลงทุนจาก private equity ทั้งจากกองทุนในประเทศและระดับภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น ที่ต่างให้ความสำคัญกับการลงทุนในกองทุนขนาดเล็กและช่วง early-stage ในประเทศไทย ตลอดจนถึงกองทุนระดับโลกที่มีการทำธุรกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ในลักษณะเดียวกัน บริษัททั่วโลกที่ต้องการขยายกิจการยังคงมองว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต แต่โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อเข้าถึงตลาด ลูกค้า และเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยที่สองในสามของบริษัท ที่ได้ทำการสำรวจระบุว่า การขยายตลาดเป็นแรงจูงใจหลักในการทำ M&A

ผู้ตอบแบบสอบถามยังระบุด้วยว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นตลาดหลักสำหรับกิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการในอนาคตอันใกล้ โดยร้อยละ 88 ระบุว่าพวกเขาคาดว่าจะทำข้อตกลงอย่างน้อยหนึ่งครั้งในประเทศไทยในอีกห้าปีข้างหน้า และร้อยละ 27 คาดว่าจะทำอย่างน้อยสี่ครั้ง ผู้ตอบแบบสอบถามยังแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายที่น่าดึงดูดสำหรับการควบรวมและซื้อกิจการมากกว่ากลุ่มประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเพียงประเทศเวียดนามเท่านั้นที่จะสามารถแข่งขันกับประเทศไทยได้ในแง่ของความน่าดึงดูด

การสำรวจยังบ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อมีการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทย และที่สำคัญยังแสดงให้เห็นถึงสาเหตุในกรณีที่การควบรวมและซื้อกิจการนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ โดยการทำความเข้าใจและการเรียนรู้จากความท้าทายเหล่านี้ จะทำให้ทั้งผู้ขายและนักลงทุนสามารถเตรียมพร้อมและจัดการกับการควบรวมและซื้อกิจการได้ดียิ่งขึ้น

ไม่น่าแปลกใจที่ความท้าทายหลักที่พบคือวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการ due diligence โดยปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือ ประเด็นด้านกฎหมาย ความเสี่ยงด้านภาษี และการบันทึกทางการเงินที่ขาดคุณภาพและความซื่อสัตย์สุจริต เคพีเอ็มจี กล่าวว่าปัญหาเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ถ้าผู้ขายเตรียมการเร็วขึ้น เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าใจถึงสถานะทางการเงิน การค้า และกฎหมายของธุรกิจและโครงสร้างที่เกี่ยวข้องได้ง่ายขึ้น เคพีเอ็มจี ระบุว่า ได้มีการให้บริการแก่ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายบ่อยขึ้นและให้บริการตั้งแต่เริ่มต้นเป็นจำนวนมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การควบรวมและซื้อกิจการมีแนวโน้มสำเร็จมากขึ้น

ความท้าทายหลักที่พบภายหลังการควบรวมและซื้อกิจการ (post-deal) คือ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมองค์กรและการบริหาร (ร้อยละ 71) ความสอดคล้องของกลยุทธ์ทางธุรกิจ (ร้อยละ 54) และการปรับเปลี่ยนภายในองค์กร (ร้อยละ 43) ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ตัวเลขเหล่านี้สูง เนื่องจากธุรกิจมากกว่าครึ่งที่ทำการสำรวจไม่ได้มีการวางแผนอย่างจริงจังเกี่ยวกับวิธีจัดการรวมธุรกิจทั้งสองเข้าด้วยกัน (integration planning) หลังการทำข้อตกลงควบรวมกิจการสำเร็จ หนึ่งในประเด็นเรียนรู้สำคัญที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้ คือความสำคัญของการวางแผนการจัดการการรวมกิจการทั้งสองเข้าด้วยกันตั้งแต่วันแรก ไปจนถึงอย่างน้อย 100 วันภายหลังการควบรวมและซื้อกิจการ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้การซื้อขายกิจการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก 

แนวโน้มการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยยังคงจะดำเนินต่อไปในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน การรอดูท่าทีสถานการณ์อาจไม่ได้ผลอีกต่อไป ธุรกิจในประเทศไทยจึงควรใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้ และในขณะที่สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต การตระหนักถึงข้อผิดพลาดและโอกาสของการควบรวมและซื้อกิจการและการเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อ การขาย หรือการเป็นพันธมิตรกับธุรกิจอื่น ๆ ควรเป็นส่วนหนึ่งของวาระสำคัญขององค์กร

สามารถอ่านรายงาน Doing Deals in Thailand ฉบับเต็มได้ที่ https://home.kpmg/th/en/home/insights/2019/02/doing-deals-in-thailand.html 

###

เกี่ยวกับรายงาน Doing Deals in Thailand

รายงานนี้เป็นการทำการสำรวจและสัมภาษณ์เชิงลึกเกี่ยวกับการควบรวมและซื้อกิจการในประเทศไทยโดยได้ทำการสำรวจและสัมภาษณ์ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านการควบรวมและซื้อกิจการในแต่ละอุตสาหกรรมนอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายกิจการยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาดการควบรวมและซื้อกิจการในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต

เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล

เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชี ภาษี และการให้คำปรึกษา เราดำเนินงานใน 154 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 200,000 คน ที่ทำงานร่วมกันในบริษัทสมาชิกทั่วโลก บริษัทที่เป็นสมาชิกเครือข่ายเคพีเอ็มจีจะถือเป็นสมาชิกของเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล  (KPMG International) เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทสัญชาติสวิส ทั้งนี้ แต่ละบริษัทที่เป็นสมาชิกเคพีเอ็มจีเป็นนิติบุคคลที่แยกต่างหากจากกัน และมีอิสระตามกฎหมาย

เกี่ยวกับ เคพีเอ็มจี ประเทศไทย

เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เป็นสมาชิกของ เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งให้บริการด้านตรวจสอบบัญชี ภาษีและกฎหมาย และให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ปัจจุบันมีพนักงานมากกว่า 1,700 คน

About naruethai

Check Also

Facebook อัปเดตฟีเจอร์ ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมสิ่งที่แชร์และค้นพบบนแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วันนี้ Facebook แนะนำเครื่องมือที่ปรับปุงใหม่เพื่อช่วยให้คุณควบคุมสิ่งที่แชร์ไปยังฟีดข่าวได้มากขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าใครสามารถแสดงความคิดเห็นในโพสต์สาธารณะของคุณได้บ้าง ซึ่งคุณสามารถควบคุมกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาแสดงความคิดเห็นสำหรับโพสต์สาธารณะของคุณได้แล้ว โดยเลือกจากเมนูที่มีให้ ซึ่งสามารถเลือกได้ตั้งแต่ทุกคนที่เห็นโพสต์ไปจนถึงเลือกเฉพาะบุคคลและเพจที่คุณแท็ก

เอชพี พลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้า เปิดโชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศไทย

นำเสนอนวัตกรรมพีซีและพรินเตอร์ล้ำสมัย ผ่านประสบการณ์โต้ตอบแบบอินเทอร์แอคทีฟ เอชพี อิงค์ เผยโฉม HP virtual showroom โชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้กับลูกค้า ครอบคลุม 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะนำลูกค้าเข้าสู่โลกเสมือนจริงที่ทันสมัย สัมผัสประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายตามความต้องการใช้งานที่แตกต่าง