ยูเนี่ยนเพย์เผยผลสำรวจ ผู้บริโภคไทย 75% นิยมชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด

คิวอาร์โค้ดเป็นวิธีการชำระเงินผ่านมือถือที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตามมาด้วยการโอนเงินแบบ Peer-to-Peer และการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (contactless) อย่างไรก็ตาม แม้ผู้บริโภคไทยมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับสังคมไร้เงินสดและการชำระเงินผ่านมือถือ แต่เงินสดยังคงครองแชมป์ โดยผู้บริโภคไทยเชื่อประเทศจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดใน 12 ปี

(ซ้าย)นายวินเซนต์ หลิง รองผู้จัดการทั่วไป ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ขวา) นายภาคี เจริญชนาพร ผู้อำนวยการ แผนกวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด

กรุงเทพฯ, 30 พฤศจิกายน 2561 – ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล (UnionPay International) เผยผู้บริโภคไทยมีทัศนคติโดยรวมที่ดีต่อสังคมไร้เงินสด ผลการศึกษา “The Future of Payments – อนาคตแห่งการใช้จ่าย” ซึ่งจัดทำโดยยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล และนีลเส็น เพื่อสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือในไทย อายุระหว่าง 18 – 65 ปี จำนวน 400 คน เผยว่า 7 ใน 10(ร้อยละ 71) ของผู้ตอบแบบสอบถามอยากให้ประเทศไทยเป็นสังคมไร้เงินสด และ 6 ใน 10 (ร้อยละ 60) รู้สึก “มั่นใจ” หากต้องใช้ชีวิตในสังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบ  

ในยุคที่หน่วยงานต่างๆ กำลังผลักดันประเทศสู่สังคมไร้เงินสดด้วยการสนับสนุนให้ผู้บริโภคใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในการทำธุรกรรมทางการเงิน ผลสำรวจเผยว่า การชำระเงินผ่านมือถือกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยผู้บริโภคกว่าครึ่ง (ร้อยละ 53) ระบุว่าได้ชำระเงินผ่านมือถือในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยใช้บริการชำระเงินผ่าน 3.1 แพลตฟอร์ม และเกือบ 1 ใน 4 (ร้อยละ 22) ใช้จ่ายผ่าน 3 วิธีการชำระเงินผ่านมือถือหลักๆ ได้แก่ คิวอาร์โค้ด การโอนเงินแบบ Peer-to-Peer (P2P) และการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (contactless) ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ผู้บริโภคอยากไทยเป็นสังคมไร้เงินสด และยินดีแนะนำการชำระเงินผ่านมือถือให้เพื่อนและครอบครัว

ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นทัศนคติของผู้บริโภคโดยรวมที่เป็นบวกเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสด โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เห็นความสำคัญของการสนับสนุนให้คนรู้จักหันมาใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นผู้บริโภคร้อยละ71กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะแนะนำการชำระเงินผ่านมือถือให้กับครอบครัวเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน  ในขณะที่ร้อยละ 91 บอกว่า ยินดีที่จะสอนครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน เกี่ยวกับการชำระเงินผ่านมือถือ หากพวกเขาพบกับอุปสรรค

“ในยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด บริการชำระเงินผ่านมือถือนับเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยเฉพาะคิวอาร์โค้ด ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยผู้ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 75 เคยชำระเงินด้วยวิธีนี้” นายภาคี เจริญชนาพร ผู้อำนวยการ แผนกวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ (อายุระหว่าง 18-21 ปี) กลับมีความรู้สึกกระตือรือร้นน้อยกว่าผู้บริโภครุ่นอื่นๆ โดยมีเพียงร้อยละ 53 ของคนกลุ่มนี้ที่ระบุว่ารู้สึกตื่นเต้นที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรวมที่ร้อยละ 70 นอกจากนี้ ผู้บริโภครุ่นใหม่ยังรู้สึกมั่นใจน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ (ร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรวมที่ร้อยละ 61) หากต้องใช้ชีวิตในสังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบ “สำหรับสาเหตุที่กลุ่ม Generation Z ให้ความสนใจเรื่องสังคมไร้เงินสดและการชำระเงินผ่านมือถือน้อยกว่าผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆ นั้น เรามองว่าเป็นเพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้มีฐานรายได้และความสามารถในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ รวมถึงมีกำลังซื้อที่ไม่สูงมาก ทำให้การรับรู้เกี่ยวกับบริการด้านการชำระเงินผ่านมือถือในปัจจุบันจึงไม่สูงนักตามไปด้วย” นายภาคี กล่าวเสริม

เงินสดยังครองแชมป์ การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดต้องอาศัยเวลา

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างวิธีการชำระเงินแบบต่างๆ ผลสำรวจเผยว่า เงินสดยังคงเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่ผู้บริโภคไทย รองลงมาคือคิวอาร์โค้ด ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 75 ระบุว่าชำระเงินด้วยวิธีนี้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตามมาด้วยการโอนเงินแบบ P2P ซึ่งร้อยละ 67 กล่าวว่าเคยชำระเงินด้วยวิธีนี้ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับระยะเวลาที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า ต้องใช้ระยะเวลา 12 ปีโดยเฉลี่ยก่อนที่สังคมไทยจะกลายเป็นสังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ผลการศึกษายังเผยให้ทัศนคติของผู้บริโภคเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามน้อยกว่าครึ่ง (ร้อยละ 43) ที่รู้สึกมั่นใจว่าประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมไร้เงินสดในอนาคตอันใกล้นี้

นายวินเซนต์ หลิง รองผู้จัดการทั่วไป ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เส้นทางสู่สังคมไร้เงินสดไม่สามารถเกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืน แต่ในขณะที่เรากำลังก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายนั้น การชำระเงินผ่านมือถือจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่เงินสด โดยเฉพาะด้านบริการธุรกรรมที่สะดวกรวดเร็ว เราเชื่อว่าการผลักดันจากภาคส่วนและองค์กรธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดได้ในระยะเวลาน้อยกว่า 12 ปี ยูเนี่ยนเพย์เชื่อว่าความพยายามของเราในการสนับสนุนการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เกิดสังคมไร้เงินสดอย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น เนื่องจากการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดเป็นวิธีที่ทั้งผู้บริโภคและร้านค้าสามารถใช้งานได้ง่าย โดยไม่ต้องลงทุนสูงมากในด้านอุปกรณ์หรือระบบโครงสร้างพื้นฐาน”

“ผู้บริโภคไทยหันมานิยมใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การสนับสนุนจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล สถาบันการเงิน ระบบการชำระเงิน และร้านค้า ต่างมีส่วนช่วยสร้างการรับรู้และผลักดันให้มีผู้ใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า หนึ่งในปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการหันมาใช้คิวอาร์โค้ดก็คือ เครือข่ายร้านค้าที่รองรับซึ่งจำกัด และบริการที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย สำหรับคิวอาร์โค้ดของยูเนี่ยนเพย์ ได้รับมาตรฐานระดับโลกจาก EMVCo. และสามารถใช้งานได้กับเครือข่ายร้านค้า 10 ล้านแห่งใน 24 ตลาดทั่วโลก ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายจากการใช้จ่ายผ่านคิวอาร์โค้ดได้บนแอพพลิเคชันเดียว” นายวินเซนต์ กล่าวสรุป 

###

เกี่ยวกับผลสำรวจ “The Future of Payments – อนาคตแห่งการใช้จ่าย”

“The Future of Payments – อนาคตแห่งการใช้จ่าย” เป็นผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล และนีลเส็น ในเดือนกันยายน 2561 เพื่อสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการชำระเงินผ่านมือถือในประเทศไทยจำนวน 400 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 18 – 65 ปี ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยกลุ่มตัวอย่างประกอบไปด้วย Generation Z (อายุระหว่าง 18 – 21 ปี) จำนวน 100 คน, มิลเลนเนียล (อายุระหว่าง 22 – 37 ปี) จำนวน 100 คน, Generation X (อายุระหว่าง 38 – 50 ปี) จำนวน 100 คน และกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (อายุระหว่าง 51 –  65 ปี) จำนวน 100 คน โดยแบ่งจำนวนเพศชายและหญิงในสัดส่วนที่เท่ากัน

เกี่ยวกับยูเนี่ยนเพย์  อินเตอร์เนชั่นแนล

ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล (UnionPay International) ดูแลธุรกิจในต่างประเทศทั้งหมดของเครือยูเนี่ยนเพย์ (UnionPay)  ด้วยจำนวนผู้ถือบัตรกว่า 7,000 ล้านคน และเครือข่ายธนาคารพันธมิตรใน 49 ประเทศและดินแดน บริการที่ครอบคลุมร้านค้ากว่า 52 ล้านแห่ง และตู้เอทีเอ็มกว่า 2.6 ล้านจุดใน 171 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ยูเนี่ยนเพย์ถือเป็นเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกที่มีฐานผู้ถือบัตรที่ใหญ่ที่สุด และเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก 

ด้วยบริการที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกและบริการด้านการชำระเงินหลากหลายที่ได้รับมาตรฐานสากล ยูเนี่ยนเพย์มุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชั่นด้านการชำระเงินที่มีคุณภาพ และปลอดภัยสูงสุด รวมถึงเหมาะกับความต้องการของแต่ละตลาดท้องถิ่น เพื่อมอบทางเลือกและความสะดวกสบายในการชำระเงินให้กับทั้งผู้บริโภคและธุรกิจ

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริการของยูเนี่ยนเพย์ครอบคุลมตู้เอทีเอ็ม จุดชำระเงิน และมีฐานลูกค้าผู้ใช้บัตรอยู่ใน 10 ประเทศ สำหรับในประเทศไทย ยูเนี่ยนเพย์นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายร่วมกับเครือข่ายธนาคารพันธมิตร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารแห่งประเทศจีน, ธนาคารไอซีบีซี ไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารกรุงไทย และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.unionpayintl.com/th/ หรือ https://www.facebook.com/UnionPayThailand

About naruethai

Check Also

Facebook อัปเดตฟีเจอร์ ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมสิ่งที่แชร์และค้นพบบนแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วันนี้ Facebook แนะนำเครื่องมือที่ปรับปุงใหม่เพื่อช่วยให้คุณควบคุมสิ่งที่แชร์ไปยังฟีดข่าวได้มากขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าใครสามารถแสดงความคิดเห็นในโพสต์สาธารณะของคุณได้บ้าง ซึ่งคุณสามารถควบคุมกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาแสดงความคิดเห็นสำหรับโพสต์สาธารณะของคุณได้แล้ว โดยเลือกจากเมนูที่มีให้ ซึ่งสามารถเลือกได้ตั้งแต่ทุกคนที่เห็นโพสต์ไปจนถึงเลือกเฉพาะบุคคลและเพจที่คุณแท็ก

เอชพี พลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้า เปิดโชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศไทย

นำเสนอนวัตกรรมพีซีและพรินเตอร์ล้ำสมัย ผ่านประสบการณ์โต้ตอบแบบอินเทอร์แอคทีฟ เอชพี อิงค์ เผยโฉม HP virtual showroom โชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้กับลูกค้า ครอบคลุม 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะนำลูกค้าเข้าสู่โลกเสมือนจริงที่ทันสมัย สัมผัสประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายตามความต้องการใช้งานที่แตกต่าง