Tag Archives: microchip

ช่วยให้สามารถขยายฐานการติดตั้งให้สามารถรองรับการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ที่ใช้ USB Type-C ได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ PoE หลากหลายรูปแบบได้ถึง 90W และให้กำลังไฟฟ้าสูงสุดถึง 60W ในปัจจุบันพบว่าอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้งาน องค์กร และกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมายมีพอร์ต USB Type-C เป็นตัวเลือกเดียวที่ใช้สำหรับกำลังไฟฟ้าอินพุต อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เทคโนโลยี USB-C® จะให้อัตรากำลังไฟฟ้าสูงและส่งข้อมูลได้มากกว่า แต่เทคโนโลยีดังกล่าวก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องระยะทางการติดตั้งไว้ที่ต้องไม่ห่างจากซ็อกเก็ตไฟ AC เกินสามเมตร ทั้งนี้ เนื่องจากเทคโนโลยีการส่งกระแสไฟฟ้าผ่านสาย UTP (PoE) เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ทั้งยังเป็นโซลูชันที่สะดวกกว่าโดยการจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านสายอีเทอร์เน็ตมาตรฐาน เทคโนโลยีนี้จึงกลายเป็นโซลูชันที่ใช้งานได้จริงที่สามารถส่งกระแสไฟฟ้าและข้อมูลได้ไกลถึง 100 เมตร ในขณะที่อะแดปเตอร์ส่วนใหญ่ในท้องตลาดสามารถส่งกระแสไฟฟ้าได้เพียงอย่างเดียวและให้อัตรากำลังไฟฟ้าที่จำกัดเพียง 25W เท่านั้น บริษัท ไมโครชิป เทคโนโลยี จำกัด (ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก: MCHP) ประกาศในวันนี้ว่าเทคโนโลยีอะแดปเตอร์ PoE to USB-C สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดโดยแปลงได้ทั้งกระแสไฟฟ้าและข้อมูล ทั้งยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่าน USB ได้สูงสุดถึง 60W …

อีเธอร์เน็ตสวิตช์ตระกูล SparX-5i ของไมโครชิปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อและเครือข่าย ในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายของเครือข่ายระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรม 4 กุมภาพันธ์ 2564 – เมื่ออีเธอร์เน็ตมีไทม์เซ็นซิทีฟเน็ตเวิร์คกิ้ง (Time Sensitive Networking หรือ TSN)รองรับก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)และเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติงาน (OT)แยกกันซึ่งจะเป็นแนวทางที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นเพื่อให้ระบบอัตโนมัติที่ใช้ในอุตสาหกรรมปัจจุบันนี้กำหนดเวลาให้ตรงกันได้อย่างแม่นยำอย่างไรก็ตามจะดำเนินการเช่นนี้ได้ต้องอาศัยโซลูชันแบบหลายชิป (multi-chip) ที่มีลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ดังนั้นวันนี้ไมโครชิปเทคโนโลยีอิงก์(Microchip Technology Inc.) (Nasdaq: MCHP)จึงประกาศเปิดตัวSparX-5iผลิตภัณฑ์ตระกูลอีเธอร์เน็ตสวิตช์ (Ethernet Switch)ซึ่งเป็นโซลูชันมาตรฐานIEEEแบบชิปเดี่ยว (single-chip) นำเสนอชุดฟีเจอร์TSNที่สมบูรณ์ที่สุดในอุตสาหกรรมแทนการใช้โซลูชันลิขสิทธิ์ราคาแพงที่มาจากแหล่งเดียว 

การเตรียมการล่วงหน้าสำหรับแพลตฟอร์มคลาวด์ชั้นนำของตลาด ด้วยโซลูชัน all-in-one WFI32E01PC Trust&GO ที่มอบฟังก์ชัน MCU ที่มีประสิทธิภาพ และมีระบบข้อมูลประจำตัวที่ตรวจสอบได้ 14 ตุลาคม 2563 – เมื่อ Internet of Things (IoT) ขยายตัวไปไกลกว่าระบบอัตโนมัติในบ้านและสามารถขับเคลื่อนการควบคุมภายในบ้านได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งรวมถึงระบบทำความร้อน การระบายอากาศ และเครื่องปรับอากาศ (HVAC) ประตูโรงรถ และพัดลม ตลอดจนการเติบโตของระบบอัตโนมัติในอาคารและอุตสาหกรรม ความต้องการการเชื่อมต่อ Industrial Internet of Things (IIoT) แบบบูรณาการสูง ที่เชื่อถือได้และปลอดภัยนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ไมโครชิพ เทคโนโลยี  (Nasdaq: MCHP) เปิดตัวโมดูล Wi-Fi microcontroller (MCU) ตัวแรก ที่มาพร้อมกับแพลตฟอร์ม Trust & GO ที่เปิดใช้งานระบบข้อมูลประจำตัวที่ตรวจสอบได้ที่ไม่เหมือนใคร

ชุดเครื่องมือ GUI สำหรับ Linux ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของไมโครโปรเซสเซอร์ 32 บิตในการแสดงกราฟิกที่มีความละเอียดต่ำและปานกลาง  แชนด์เลอร์ รัฐแอริโซนา วันที่ 22 กันยายน 2563 – ส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (Graphical user interfaces หรือ GUI) และการแสดงหน้าจอสัมผัสแบบโต้ตอบกันได้มอบประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่สะดวกง่ายดาย ตั้งแต่การควบคุมหุ่นยนต์และเครื่องจักรไปจนถึงส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (user interfaces) ทางการแพทย์ เครื่องมือสำหรับยานยนต์ และระบบอัตโนมัติภายในบ้านและอาคาร GUI ที่ออกแบบมาอย่างดีช่วยให้ผู้ใช้ประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วขึ้นและโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น วันนี้ ไมโครชิปเทคโนโลยีอิงก์ (Microchip Technology Inc.)(Nasdaq: MCHP) ประกาศแนะนำเครื่องมือพัฒนา GUI ชุดใหม่สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ไมโครโปรเซสเซอร์ (MPU) ที่ใช้ลินุกซ์ (Linux) 32 บิต ซึ่งช่วยให้นักออกแบบจอแสดงผลทางอุตสาหกรรม การแพทย์ การอุปโภคบริโภค และกราฟิก/ภาพสำหรับยานยนต์ลดต้นทุนและเวลาในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

PolarFire® SoC FPGA Icicle kit ของ Microchip ช่วยให้ระบบนิเวศน์ Mi-V จาก RISC-V ใช้งานได้สำหรับ FPGA ที่ประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรม 17 กันยายน 2563 – ผู้คนใช้งาน RISC-VInstruction Set Architecture (สถาปัตยกรรมคำสั่ง หรือ ISA) ที่เป็นระบบเปิด (free และ open architecture) เป็นจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการแพลตฟอร์มพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ได้มาตรฐานและมีราคาเหมาะสม ซึ่งฝังเทคโนโลยี RISC-V และใช้ระบบนิเวศ RISC-V ที่หลากหลาย ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการในเรื่องนี้ Microchip Technology Inc. (ไมโครชิป เทคโนโลยี อิงก์) (Nasdaq: MCHP) นำเสนอชุดพัฒนาเทคโนโลยี Field-Programmable Gate …

สร้างจากการที่บริษัทร่วมงานกับองค์กรมาตรฐานอุตสาหกรรมและลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่ใช้อุปกรณ์เพื่อสร้างการ์ดจับภาพ (capture card) และกล้องที่รองรับข้อกำหนดใหม่ ก่อนที่มาตรฐานอินเทอร์เฟซ CoaXPress 2.0 12.5Gbps จะได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว โซลูชันการจับภาพด้วยระบบแมชชีนวิชั่น (machine vision) ได้มาแทนที่สายพานลำเลียงซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญเพื่อให้ผลิตงานได้เร็วขึ้น ปัจจุบันนี้ ไมโครชิป เทคโนโลยี อิงก์ (Microchip Technology Inc.) (Nasdaq: MCHP) ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการตระหนักถึงศักยภาพของ CoaXPress (CXP) อย่างเต็มที่ในโรงงานโดยใช้อุปกรณ์อินเตอร์เฟซแบบชิปเดี่ยว (single-chip) ที่มีชั้นสื่อสารฟิสิคัล (physical-layer) ชิ้นแรก ซึ่งมีคุณลักษณะที่ปรับปรุงการออกแบบระบบแมชชีนวิชันให้มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ส่งข้อมูลเร็วขึ้นและใช้งานง่ายขึ้นในการบรรจุขวดปริมาณมาก การตรวจสอบอาหาร การตรวจสอบอุตสาหกรรม และการประยุกต์ใช้งานด้านการถ่ายภาพ

LAN8770 ของ Microchip คืออุปกรณ์ที่ได้รับมาตรฐาน IEEE® 802.3bw 100BASE-T1 PHY ขนาดบรรจุ 5 x 5 มม. เหมาะสำหรับการใช้งานด้านยานยนต์ที่มีพื้นที่จำกัด สถาปัตยกรรมอีเธอร์เน็ตที่แพร่หลายช่วยลดความยุ่งยากในการออกแบบ กำหนดค่าและควบคุมการทำงาน ของอุปกรณ์ต่างๆ การพัฒนาดังกล่าวส่งผลอย่างชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อที่ต้องมีการส่งข้อมูลความเร็วสูงมากขึ้นกว่าเดิม การทำงานของเครือข่ายที่ใช้กับยานยนต์นั้นต้องพึ่งพาเครือข่ายบางส่วนที่พร้อมทำงานแบบทันทีและบางส่วนที่อยู่ในโหมดจำศีล (hibernate)

ตัวควบคุมหน้าจอสัมผัสตระกูลใหม่ รองรับการสัมผัสแบบหลายนิ้วและแม้สวมถุงมือหนา อีกทั้งทนทานต่อทุกสภาพอากาศ จึงนับเป็นโซลูชันแบบเบ็ดเสร็จที่รวมเข้ากับอุปกรณ์ปลายทางได้อย่างง่ายดาย

ความสำเร็จในการทดสอบการทำงานร่วมกันของระบบถือเป็นการปูทางสำหรับการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน 24G SAS เพื่อการใช้งานเป็นวงกว้างในอุตสาหกรรม กรุงเทพฯ, ประเทศไทย — บริษัท ไมโครชิพ เทคโนโลยี จำกัด (Nasdaq: MCHP) และบริษัท KIOXIA America, Inc. (ชื่อเดิม Toshiba Memory America, Inc.) ประกาศความสำเร็จในการทดสอบการทำงานร่วมกันของระบบจัดเก็บข้อมูล 24G SAS End-to-End Storage เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรม จากการทดสอบพบว่า 24G SAS Infrastructure ระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม มอบสมรรถนะ ความปลอดภัย และความเสถียรที่มากขึ้นแก่ลูกค้าระบบจัดเก็บข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูล ศูนย์ข้อมูลระดับไฮเปอร์สเกล บนคลาวด์ ตลอดจนระบบจัดเก็บข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร โดยที่ไม่ต้องล้มเลิกการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน SAS ที่มีอยู่เดิมในปัจจุบัน

อแดปเตอร์ SmartRAID 3100E RAID รุ่นใหม่ เร่งประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 60% และประหยัดพลังงานมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับการ์ดอแดปเตอร์ระดับ entry-level รุ่นอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน