วีม ซอฟต์แวร์ มีโซลูชั่นพร้อม ทั้งแบ็กอัพ และกู้คืนข้อมูลและแอปพลิเคชัน
กรุงเทพ – กันยายน 2562 – วีม ซอฟต์แวร์ จัดสัมมนาใหญ่ในไทย สร้างความเข้าใจผ่านกลุ่มพาร์ตเนอร์
และลูกค้าในไทยด้านการแบ็กอัพและกู้คืนข้อมูล ชูศักยภาพ Cloud Data Management
ตั้งเป้าหมายการเป็นเบอร์ 1 ด้านแบ็กอัพข้อมูลภายใน 2 ปี
เน้นย้ำบริษัทเติบโตถูกที่ถูกเวลาจากยุคเวอร์ช่วลไลเซชั่น สู่ยุค Multi Cloud หรือ
Hybrid Cloud ด้วยการจัดการที่ง่าย
มีฟังก์ชั่นรอรับการใช้งานที่เน้นความต้องการจริงที่หลากหลาย
มีความเสถียรในการสื่อสารข้อมูลและแอปพลิเคชันต่างๆ บนความซับซ้อน
และให้ความยืดหยุ่นรองรับทุกรูปแบบแพลตฟอร์ม อินฟราสตรัคเจอร์
วีมพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนด้าน R&D เพื่อเสริมความสามารถใหม่ๆ ในการใช้งานอย่างเช่นการทำ Cloud-Native Backup การเปิดให้มีการย้าย License ไปใช้งานบน Cloud ได้ และอื่นๆ เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถนำวีมไปใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ตอบรับต่อสภาพของตลาดที่เทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงทุกวันได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันนี้ Veeam รองรับการทำงานร่วมกับทั้งบริการ Cloud ของ AWS, Azure, IBM และ Google ได้แล้ว
นายฌอน แม็กลาแกน รองประธานบริหารอาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น บริษัท วีม ซอฟต์แวร์ กล่าวว่า วันนี้โลกของข้อมูลมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากทุกวัน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้การรับส่งข้อมูลและการเก็บรักษา มีความเสถียรและต่อเนื่องในการใช้งาน โซลูชั่นการแบ็กอัพของบริษัทวีม ซอฟต์แวร์ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถย้ายข้ามระบบโครงสร้าง ระบบคลาวด์ และโซลูชั่นต่างๆ ได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังจัดการง่าย ช่วยลดเวลาการแบ็กอัพระบบได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีปริมาณข้อมูลมหาศาลก็ตาม และปัจจุบัน บริษัทวีม ซอฟต์แวร์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 4 พันรายในปี 2019 นี้ (รวมลูกค้าทั้งหมดกว่า 3.5 แสนรายทั่วโลกในปี 2019) คิดเป็นการเป็นการเติบโตกว่า 36% เทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับตลาดไทยนั้น นายเจษฏา ภาสวรวิทย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย และกัมพูชา ลาว พม่า กล่าวว่า ในประเทศไทยมีลูกค้าใหม่เติบโตขึ้นกว่า 36% นับเป็นการเติบโตขึ้นมากกว่าเบอร์หนึ่ง และหากย้อนกลับไป 3 ปี เราเติบโตต่อเนื่องกว่า 21% เพิ่มคนจาก 2ปีที่ผ่านมากว่า 62% และเป็นเบอร์ 3 ของตลาดโซลูชั่นเวอร์ช่วลไลเซชั่นแบ็กอัพในประเทศไทย ด้วยความที่เราเติบโตมากับยุคของ คลาวด์ การเกิดขึ้นของเวอร์ช่วลไลเซชั่น ในยุคที่วีเอ็มแวร์เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เรามีจุดแข็งของการเกิดขึ้นบนพื้นฐานของ Cloud ซึ่งแตกต่างจากรายอื่นๆ ที่โตขึ้นมาจากฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ทำให้เราพัฒนาไปได้เร็วในทิศทางที่ถูกต้อง บนความนิยมของ Cloud ที่เกิดขึ้น ในส่วนของการขาย เราร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เป็นหลัก เน้นการขายผ่านตัวแทนทั้งหมด ซึ่งแตกต่างตามรูปแบบของผู้จัดจำหน่ายทั้งยกโซลูชั่นหรือขายพ่วงระบบของลูกค้าเองแบบ OEM ก็เป็นได้
วีมมีโซลูชั่นที่รองรับการจัดการแบ็กอัพข้อมูลตั้งแต่ระดับ เอสเอ็มอีจนถึงระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ เรามีลูกค้าทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โรงพยาบาล ธุรกิจอาหาร และกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งในปี พ.ศ. 2562 ได้ตั้งเป้าที่จะขยายไปสู่องค์กรที่รับรู้ความเสี่ยงของข้อมูล และกลุ่มธุรกิจที่มีการแข่งขันด้านข้อมูล
วีมนั้นเชื่อว่าความนิยมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของคลาวด์ จะช่วยให้ตลาดด้าน Cloud Data Management เติบโตยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต จากการสำรวจข้อมูลโดยวีม และไอดีซี ชี้ว่าภายในปี พ.ศ. 2563 มูลค่าของตลาด Cloud Data Management จะมีมูลค่าสูงกว่า 15,000 ล้านเหรียญหรือราวๆ 450,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ทุกวันนี้หลายองค์กรนำคลาวด์มาใช้งานภายในองค์กร และปรับไปสู่รูปแบบ Hybrid Cloud หรือ Multi-Cloud กันมากขึ้น ทำให้ระบบ Data Center และการใช้งานแอพพลิเคชั่นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยกระจายอยู่ตามระบบแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งในจุดนี้วีมได้ปรับตัวพัฒนาเทคโนโลยีครั้งใหญ่ ปรับโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์การสำรองข้อมูลและระบบต่างๆ บนคลาวด์ให้ได้ครบถ้วนครอบคลุม จึงได้พัฒนาและส่ง Veeam Availability Suite 9.5 โซลูชั่นชั้นนำด้านการสำรองและบริหารจัดการข้อมูลที่สามารถรองรับ Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้องค์กรธุรกิจใช้งานได้ต่อเนื่อง ความสามารถที่น่าสนใจหลักๆ ต่อการใช้งานเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง มี 4 ประการหลักๆ ดังนี้
- Cloud Tier สำรองข้อมูลระยะยาวบน Cloud โดยไม่จำกัดพื้นที่ความจุของข้อมูลที่ทำการสำรอง สามารถทำการผนวกระบบกับ Object Storage ได้ด้วย
- Cloud Mobility สามารถย้ายหรือกู้คืนข้อมูลและแอพพลิเคชั่นบนบริการ Public Cloud ได้
- Enterprise Application Support รองรับการทำงานร่วมกับ Oracle RMAN และ SAP HANA เพื่อสำรองข้อมูลของระบบ Application สำคัญในธุรกิจได้โดยตรงแล้ว
- Data Governance เพิ่มความสามารถใหม่ด้าน Security และ Compliance ซึ่งครอบคลุมถึงทั้งการรองรับกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลอย่าง GDPR และการป้องกัน Malware ภายในตัว