Facebook และเบน แอนด์ คอมพานี เผยผลศึกษาผู้บริโภคไทยชาวดิจิทัลกลุ่มใหม่ Discovery Generation เปิดกว้าง แนะแบรนด์วางกลยุทธ์เสริมการค้นพบสินค้า

  • ผลศึกษาล่าสุดซึ่งจัดทำโดย Facebook และเบน แอนด์ คอมพานี เผยภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยจะเป็นผู้นำการเติบโตด้านการใช้จ่ายออนไลน์
  • ผลศึกษาดังกล่าวชี้พฤติกรรม “การค้นพบ” เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับธุรกิจ โดยคาดการณ์ว่ายอดใช้จ่ายออนไลน์ในประเทศไทยจะเติบโตถึงเกือบ 5 เท่า ภายในปี พ.ศ. 2568
  • ร้อยละ 90 ของนักช้อปออนไลน์ชาวไทยมีการเปรียบเทียบประสบการณ์การช้อปปิ้งผ่านหลายช่องทางก่อนซื้อ การออกแบบเส้นทางค้นพบสินค้าเป็นหัวใจสำคัญ กว่าร้อยละ 60 ของผู้ตอบแบบสำรวจที่เผยว่าพวกเขารับรู้  เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ๆ ผ่านแพลทฟอร์มโซเชียลมีเดีย
คุณจอห์น แวกเนอร์ (ขวา) ผู้อำนวยการบริหาร Facebook ประเทศไทยและคุณดิเรก เกศวการุณย์ (ซ้าย) พาร์ทเนอร์  บริษัท เบน แอนด์ คอมพานี ร่วมแบ่งปันผลศึกษาล่าสุดภายใต้หัวข้อ “Riding the Digital Wave: Southeast Asia’s Discovery Generation” 

กรุงเทพฯ, 26 กุมภาพันธ์ 2563 – จากการศึกษาล่าสุดของ Facebook ร่วมกับเบน แอนด์ คอมพานี กลุ่มผู้บริโภคชาวดิจิทัลในประเทศไทยที่กำลังเติบโตนี้ได้ช่วยสร้างสมรภูมิการแข่งขันเชิงธุรกิจแห่งใหม่ให้กับบรรดาบริษัทต่างๆ ที่กำลัง   มองหาช่องทางเติบโตธุรกิจออนไลน์ ซึ่งนำเทรนด์โดยพฤติกรรมการซื้อสินค้าจากแรงบันดาลใจที่เห็นได้ชัดกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นผู้นำด้านการรับรู้และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ โดยมาพร้อมกับตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้น การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ครอบคลุมและความมั่งคั่งของผู้บริโภค ส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคชาวดิจิทัลนี้ได้มีการซื้อสินค้าหรือบริการบนช่องทางออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งครั้งในที่ปีผ่านมา

เพื่อเข้าใจเทรนด์ดังกล่าวให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น Facebook และเบน แอนด์ คอมพานี จึงได้จัดทำการสำรวจกับกลุ่มคนจำนวน 12,965 คนในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม รวมถึงการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงและนักลงทุนชั้นนำอีกกว่า 30 คนในแถบภูมิภาคนี้ โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจจำนวน 1,954 คนจากประเทศไทย

การศึกษาล่าสุดภายใต้หัวข้อ ‘Riding the Digital Wave: Southeast Asia’s Discovery Generation’ นั้นได้รับการต่อยอดมาจากรายงานการวิจัยร่วมระหว่าง Facebook และเบน แอนด์ คอมพานี ซึ่งจัดทำขึ้นในปี พ.ศ. 2561 เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการเติบโตของชนชั้นกลางในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคมีส่วนช่วยพัฒนาและกำหนดแนวทางในอนาคตของอีคอมเมิร์ซสำหรับในภูมิภาคแถบนี้ได้อย่างไรบ้าง การศึกษาครั้งใหม่เผยให้เห็นว่าชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้มีส่วนผลักดันผู้บริโภคยุคดิจิทัลให้เติบโตถึงร้อยละ 70-80 ภายในปี พ.ศ. 2568

ในปี พ.ศ. 2558 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้บริโภคชาวดิจิทัลอยู่ราว 90 ล้านคน โดยในปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 2.8 เท่า และเพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านคน ภายในปี พ.ศ. 2568 คาดการณ์ว่าจำนวนผู้บริโภค  ชาวดิจิทัลในภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 310 ล้านคน โดยการศึกษายังได้ประเมินว่ามูลค่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์จะเติบโตถึง 4 เท่าทั่วทั้งภูมิภาค และตั้งเป้าการเติบโตมูลค่าการใช้จ่ายถึงเกือบ 5 เท่าในประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกัน

ผู้บริโภคกลุ่ม Discovery Generation

พฤติกรรมการค้นพบสิ่งใหม่ๆ นับเป็นเทรนด์ที่โดดเด่นที่สุด โดยร้อยละ 71 ของผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยกล่าวว่าพวกเขาไม่แน่ใจว่าต้องการจะซื้ออะไรขณะไล่ดูสินค้าออนไลน์ และมากกว่าร้อยละ 76 ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าพวกเขารู้จักผลิตภัณฑ์และแบรนด์ใหม่ๆ จากช่องทางออนไลน์ บรรดาผู้บริโภคในไทยยังชื่นชอบการซื้อของจากหลากหลายช่องทาง ร้อยละ 90 ของคนกลุ่มนี้ระบุว่าพวกเขามีการเปรียบเทียบราคาสินค้าจากทั้งแพลทฟอร์มออนไลน์และราคาหน้าร้านก่อนตัดสินใจซื้อ

ผู้บริโภคชาวไทยยังเปิดรับแบรนด์ใหม่ๆ โดยเกือบร้อยละ 60 ได้ลองซื้อสินค้าจากร้านออนไลน์ที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อนในปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลัก 3 ประการที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าออนไลน์ประกอบด้วย ยอดรีวิวสินค้าในเชิงบวกจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ ราคาหรือโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ และความน่าสนใจของตัวผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสนใจว่าร้อยละ 61 ของผู้บริโภคชาวไทยไม่ต้องการรอช่วงลดราคาหรือโปรโมชั่นเพื่อจะซื้อสินค้า

“ขณะนี้เรากำลังก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในธุรกิจค้าปลีกทั่วโลก การซื้อขายสินค้าไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ที่ร้านค้าเท่านั้นอีกต่อไป ผู้คนยังมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง ข้อสรุปหลักที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้คือ ความสำคัญของการออกแบบเส้นทางการค้นพบสินค้าของผู้บริโภคซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจได้จากหลายช่องทางในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะขนาดเล็ก กลางหรือใหญ่ ยังจะได้รับโอกาสสำคัญในการแข่งขันภายใต้ขอบเขตที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศไทยและในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” คุณจอห์น แวกเนอร์ ผู้อำนวยการบริหาร Facebook ประเทศไทย กล่าว

นอกเหนือจากพฤติกรรมด้านการค้นพบแล้ว การศึกษาดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงโอกาสครั้งใหญ่ในการสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์และการเติบโตของธุรกิจ เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ซยังไม่มีบริษัทใดเป็นผู้เล่นหลัก และโดยเฉลี่ยแล้ว ผู้บริโภคในประเทศไทยเองมักสำรวจข้อมูลจาก 3.2 ช่องทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า

ดังนั้น การครองใจผู้บริโภคในระยะยาวจึงถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ผู้ตอบแบบสำรวจชาวไทยซึ่งเป็นสมาชิกของแบรนด์ระบุว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะช่วยโปรโมทสินค้ามากกว่า 1.4 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก โดยมีถึงร้อยละ 40 ที่มักจะช่วยบอกต่อสินค้าประเภทเดียวกัน และอีกร้อยละ 20 ของคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าในประเภทต่างๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ขณะนี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการนำดิจิทัลมาใช้มากขึ้น ซึ่งผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของตลาดการซื้อขายออนไลน์ในระดับภูมิภาค ประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ดังนั้น แบรนด์ต่างๆจึงจำเป็นต้องจับความสนใจและแนวคิดของผู้บริโภคให้ทัน เพื่อมาประยุกต์ให้เข้ากับแผนการตลาดและการขายที่จะสอดคล้องกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แบรนด์ต่างๆ ยังจำเป็นต้องคิดค้นหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การซื้อสินค้าในเชิงบวกให้กับกลุ่มผู้บริโภคยุคดิจิทัล” คุณดิเรก เกศวการุณย์ พาร์ทเนอร์ บริษัท เบน แอนด์ คอมพานี กล่าว

###

เกี่ยวกับ Facebook

Facebook ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2547 โดยมีพันธกิจหลักเพื่อมอบพลังให้ผู้คนได้ร่วมกันสร้างสรรค์ชุมชนและทำให้โลกใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ผู้คนใช้ Facebook เพื่อเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัว เพื่อค้นพบสิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก และเพื่อแบ่งปันและแสดงออกถึงสิ่งที่พวกเขาสนใจ

*Facebook เป็นเครื่องหมายการค้าของ Facebook Inc.

เกี่ยวกับ Bain & Company

เบน แอนด์ คอมพานี คือบริษัทที่ให้บริการด้านการปรึกษาระดับโลกซึ่งช่วยเหลือบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั่วโลกให้สามารถบรรลุสู่เป้าหมายความสำเร็จในอนาคต เบน แอนด์ คอมพานี มีสำนักงานจำนวน 58 แห่งใน 37 ประเทศ โดยทำงานเสมือนเป็นทีมหนึ่งเดียวเคียงข้างเหล่าลูกค้าและมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ การได้รับผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งจะช่วยเอาชนะคู่แข่งและวางมาตรฐานใหม่ให้กับวงการต่างๆ ในแวดวงเดียวกัน เบน แอนด์ คอมพานีได้เสริมทักษะความเชี่ยวชาญแบบเฉพาะและเป็นหนึ่งเดียวด้วยอีโคซิสเต็มของบรรดานักนวัตกรรมด้านดิจิทัลเพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่า รวดเร็วกว่าและแม่นยำกว่าให้กับเหล่าลูกค้า นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทในปี พ.ศ. 2516          เบน แอนด์ คอมพานี ได้ชี้วัดความสำเร็จของบริษัทจากความสำเร็จของลูกค้ามาโดยตลอด และภาคภูมิใจที่ได้รักษาไว้ซึ่งการสนับสนุนและความไว้ใจสูงสุดจากลูกค้าในวงการนี้ นอกจากนี้ ลูกค้าของเรายังเป็นกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหุ้นในตลาดสูงกว่ามูลค่าเฉลี่ยด้วยอัตรา 4 ต่อ 1 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bain.com และติดตามเราบนทวิตเตอร์ได้ที่ @BainAlerts

About naruethai

Check Also

ไอบีเอ็มเปิดบริการ IBM Cloud for Financial Services รองรับ Red Hat OpenShift และบริการ Cloud-native พร้อม SAP พาร์ทเนอร์ และฟินเทคกว่า 90 รายเข้าร่วมอีโคซิสเต็ม

ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ ย้ายเวิร์คโหลดสู่ IBM Cloud for Financial Services  กรุงเทพฯ​ ประเทศไทย – ไอบีเอ็ม (NYSE: IBM) ประกาศพร้อมเปิดให้บริการ IBM …

ซัพพลายเชนที่ทันสมัยต้องอยู่บนคลาวด์

บทความโดย นายฟาบิโอ ทิวิติ รองประธาน บริษัท อินฟอร์ อาเชียน องค์กรด้านซัพพลายเชนจะต้องมั่นใจว่าขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ กำลังดำเนินไปอย่างเหมาะสม และมีการใช้เครื่องมือดีที่สุดในทุกขั้นตอนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ความต้องการ, การจัดซื้อ, การผลิต, การจัดการสินค้าคลัง …