อินเทล เปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับเดสก์ท็อปที่ครบวงจร ทั้งโปรเซสเซอร์ 10th Gen Intel Core Processors ใหม่ และ Project Athena ที่งาน COMPUTEX 2019

ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมเพื่อส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ก้าวล้ำ ปัญญาประดิษฐ์ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และการตอบสนองสำหรับสินค้ากลุ่มโทรศัพท์มือถือ เกม และสินค้าเชิงพาณิชย์

เกรกอรี่ ไบรอัน รองประธานอาวุโสของอินเทลและผู้จัดการทั่วไปของ Client Computing Group แสดงตัวประมวลผล  10th Gen Intel Core processor บนเวทีระหว่างการซ้อมเพื่อกล่าวคำปราศรัยของอินเทลที่งาน Computex 2019 ในวันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2562 ในไทเปประเทศไต้หวัน (เครดิตภาพ: อินเทล คอร์ปอเรชัน)

ไฮไลท์ข่าว

  • 10th Gen Intel® Core™ processors (ชื่อรหัส “Ice Lake”)ผลิตด้วยเทคโนโลยี10 นาโนเมตร พร้อมส่งมอบไปยังลูกค้าแล้ว
  • 10th Gen Intel Core processors มาพร้อมชิปประมวลผลกราฟฟิก Iris Plus ที่นำการการประมวลผลแบบ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้กับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเป็นครั้งแรก ประสิทธิภาพการประมวลผล AI ที่เร็วขึ้นเป็น 2.5 ประสิทธิภาพทางด้านกราฟฟิกเพิ่มขึ้นเกือบ 2x และเชื่อมต่อแบบไร้สายเร็วขึ้นเกือบ 3x เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ใหม่นี้จะยกระดับประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้ไปสู่อีกขั้น
  • ข้อมูลแรกเกี่ยวกับโปรแกรมนวัตกรรม Project Athena ที่ได้รับการเปิดเผยคือ คาดการณ์ว่าจะสามารถทำงานร่วมกับระบบที่ใช้ 10th Gen Intel Core processors ภายในช่วงวันหยุดปี 2562
  • อินเทลเปิดตัวซีพียู 9th Gen Intel® Core™ รุ่นพิเศษที่มีชื่อว่า i9-9900KS (Special Edition) ที่ตอบโจทย์สายเกม โปรเซสเซอร์ที่ทำความเร็วได้ถึง 5 Ghz ในแบบ Turbo ทั้งหมดทุก Core และมาพร้อมกับเครื่องมือการโอเวอร์คล็อกอัตโนมัติ Intel® Performance Maximizer อีกด้วย
  • อินเทลเปิดตัว 9th Gen Intel® Core™ vPro processors สำหรับผู้ใช้งานมืออาชีพ เป็นการนำ Intel Core i9 เพื่อตอบสนองความต้องการด้านระบบธุรกิจเป็นครั้งแรก

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 28 พฤษภาคม 2562 – อินเทลประกาศเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่หลากหลายและครอบคลุมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่สุดในงาน COMPUTEX 2019 โดยเริ่มตั้งแต่ 10th Gen Intel® Core™ processors ใหม่ และข้อมูลใหม่เกี่ยวกับโปรแกรมนวัตกรรมของอินเทล ชื่อรหัส “Project Athena” ซึ่งจะนำการประมวลผลจากระยะไกลให้ก้าวไปอีกขั้น ไปจนถึงโปรเซสเซอร์สำหรับนักเล่นเกม ด้วยการเพิ่มความถี่เทอร์โบสูงสุดที่เร็วสุดขีดถึง 5Ghz นับได้ว่าอินเทลได้ยกระดับประสบการณ์การใช้บนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปให้ก้าวไปอีกขั้นอีกครั้ง

“ไม่มีใครตกลงที่จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ทุกคนย่อมต้องการทุกอย่างทั้ง อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ประสิทธิภาพการทำงาน การตอบสนอง การเชื่อมต่อ และฟอร์มแฟคเตอร์ที่ทำงานได้อย่างลื่นไหล งานของเราคือการนำเอาสิ่งเหล่านั้นมารวมกันเพราะอุตสาหกรรมและส่งมอบความน่าทึ่งและความแตกต่างให้กับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองในสิ่งที่ผู้คนต้องการ 10th Gen Intel Core processors ชุดซีพียูแบบครบวงจร และ Project Athena เป็นตัวอย่างที่ดีว่าการลงทุนในระดับแพลตฟอร์มของเราจะช่วยผลักดันนวัตกรรมได้ทั้งอุตสาหกรรมได้อย่างไร” เกรกอรี่ ไบรอันท์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มคอมพิวเตอร์ไคลเอนต์ กล่าว

เอกสารสำหรับสื่อมวลชน: Intel at 2019 Computex

10th Gen Intel® Core™ Processors: โปรเซสเซอร์ที่ครอบคลุมเพื่อตอบโจทย์งานประมวลผลตั้งแต่ AI ไปจนถึงคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป

อินเทลประกาศเปิดตัว 10th Gen Intel Core processors ตัวแรก ที่นำการประมวลผลแบบ AI ประสิทธิภาพสูงที่สามารถจัดการได้ตามความต้องการมาไว้บนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป และเพิ่มประสิทธิภาพด้วย Intel® Deep Learning Boost (Intel DL Boost) โปรเซสเซอร์ผลิตด้วยเทคโนโลยี 10 นาโนเมตร สถาปัตยกรรมทางเทคโนโลยี “Sunny Cove” และชิปกราฟฟิก Gen11 รุ่นใหม่ 10th Gen Intel Core processors จะมีตั้งแต่ Intel Core i3 ไปจนถึง Intel Core i7 ที่มี 4 คอร์ และ 8 เธรด ความถี่เทอร์โบสูงสุด 4.1 และความถี่กราฟิกสูงสุด 1.1GHz

10th Gen Intel Core processors สามารถนำไปใช้กับแล็ปท็อปที่บางและเบาและแล็ปท็อปแบบ 2-in-1 เพื่อการทำงานที่ก้าวไปอีกขั้น ด้วยคุณสมบัติและประสิทธิภาพต่างๆ ต่อไปนี้

  • ประสิทธิภาพการทำงานอันชาญฉลาด: โปรเซสเซอร์ตัวแรกของอินเทลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานทางด้าน AI ประสิทธิภาพสูงบนแล็ปท็อป และยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน AI1 ให้เร็วถึง 2.5X ด้วย Intel DL Boost เพื่อลดเวิร์คโหลด Latency ให้ต่ำลง สถาปัตยกรรมชิปประมวลผลกราฟฟิกแบบใหม่ทำให้การประมวลผลภาพกราฟิกเวกเตอร์สำหรับเวิร์คโหลดที่หนักหน่วงทะลุขีดจำกัดได้กว่า 1 tetaflop เพื่อที่จะยกระดับความคิดสร้างสรรค์ ผลผลิตงานที่เพิ่มขึ้น และความบันเทิงบนแล็ปท็อปที่บางเบา และสำหรับ AI ที่ใช้พลังงานต่ำบนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป Intel® Gaussian Network Accelerator (GNA) ถูกสร้างขึ้นใน SOC
  • ประสิทธิภาพชิปกราฟิกที่ก้าวกระโดด: ชิปกราฟฟิกรุ่นใหม่ Intel Iris Plus graphics เป็นโครงสร้างของชิปกราฟฟิกเจน 11 ประสิทธิภาพทางด้านกราฟฟิกเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจึงทำให้เข้าถึงประสบการณ์ภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ ตัวการ์ดสามารถเข้ารหัสวิดีโอขั้นสูง HEVC ได้ถึง 2X ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการในการสร้างคอนเทนท์ระดับมืออาชีพได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถดูวิดีโอ 4K ความละเอียดแบบ HDR แสดงผลกว่าพันล้านสี เล่นเกมและมีอัตราเฟรมที่ เร็วขึ้นกว่า 2x ทำให้เพลิดเพลินไปกับภาพคมชัดสมจริงด้วยจำนวนพิกเซลบนหน้าจอที่ละเอียดถึง 1080p 

ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อที่ล้ำสมัย: การนำเอาเทคโนโลยี Thunderbolt™ 3 และ integrated Intel® Wi-Fi 6 (Gig+) มารวมกันเป็นครั้งแรก จะช่วยทำให้การเชื่อมต่ออินเตอร์แบบไร้สาย3เร็วขึ้นเกือบ 3xพร้อมกับพอร์ตที่เร็วที่สุด และทำหลายหน้าที่ การใช้เทคโนโลยี Gig+ ของอินเทลในการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ช่วยทำให้การเชื่อมต่อแบบไร้สายเร็วมากขึ้น กว่า 1Gbps ที่มาพร้อมกับความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น

การผสมผสานขั้นสูงของอินเทลอย่าง 10th Gen Intel Core processors มอบอิสระแก่ OEM พาร์ทเนอร์ในการคิดค้นการออกแบบและสุนทรียศาสตร์โดยลด silicon footprint ขณะที่ยังคงนำเสนอมาตรฐานที่ล้ำสมัยและยิ่งใหญ่ที่สุดและประสิทธิภาพระดับโลก 10th Gen Intel Core processors ตัวใหม่นี้พร้อมส่งไปยังลูกค้าแล้ว และคาดว่าจะพร้อมสำหรับ OEM ในช่วงวันหยุดปี 2562

Project Athena: การเติบโตทางด้านนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด

อินเทลยังได้แชร์รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมนวัตกรรม ชื่อรหัส “Project Athena” รวมถึง ข้อกำหนดเป้าหมาย 1.0 ที่จะนำไปสู่คลื่นลูกแรกของแล็ปท็อปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทางบริษัทยังได้ตรวจดูการออกแบบในครั้งแรกที่มาจากพาร์ทเนอร์ที่มีสินค้าครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปและเชิงพาณิชย์ เช่น Acer*, Dell*, HP* และ Lenovo* ก่อน

จากการวิจัยเป็นเวลาหลายปีในการทำความเข้าใจกับความต้องการ ความท้าทาย และความคาดหวังของผู้ใช้แล็ปท็อป โปรแกรมจัดลำดับความสำคัญของประสบการณ์การใช้งานเป็นการสะท้อนสภาพความเป็นจริงบนโลกโดยวัดจาก “ตัวชี้วัดประสบการณ์” (Key Experience Indicators – KEI)

อินเทลได้พัฒนา KEI ตัวชี้วัดทางวิศวกรรมใหม่ที่ถูกใช้ระหว่างกระบวนการตรวจสอบโปรแกรม ซึ่งเป็นไปตามการทดสอบและทำให้ทำงานบนแล็ปท็อปมีความต่อเนื่องตลอดการใช้งาน ตัวชี้วัดขึ้นอยู่กับการวิจัยในชีวิตประจำวันของผู้ใช้แล็ปท็อปที่บ้านหรือที่ทำงานภายใต้เงื่อนไขสภาพแวดล้อมจริง เป้าหมายของอินเทลสำหรับตัวชี้วัดใหม่คือการทำงานร่วมกับระบบนิเวศเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เห็นได้ชัดว่าส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้แล็ปท็อปและพัฒนาความสามารถเหล่านั้นทุกปี คลื่นลูกแรกของเป้าหมาย KEI ประกอบไปด้วย:

  • แบตเตอรี่ที่ตอบสนองการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
  • แบตเตอรี่สามารถทำงานในขณะที่อยู่ในโหมดดูภาพวิดีโอย้อนหลังต่อเนื่องได้ถึงหรือมากกว่า 16 ชั่วโมง หรือยาวนาน 9 ชั่วโมงขึ้นไปตามสภาพการใช้งานจริง 
  • ระบบใช้เวลาตื่นจากโหมดสลีป (Sleep) ได้น้อยกว่า 1 วินาที

ข้อมูลจำเพาะที่จะเปิดใช้งานประสบการณ์เหล่านี้รวมถึงข้อกำหนดระดับแพลตฟอร์ม เช่น Thunderbolt 3, Intel Wi-Fi 6 (Gig+), OpenVINO AI บนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ใช้งานร่วมกันได้และสแตนด์บายการเชื่อมต่อที่ทันสมัย ประสานกันทั้งหกด้าน: ปฏิบัตการในทันที ประสิทธิภาพและการตอบสนอง ความอัจฉริยะ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ การเชื่อมต่อและฟอร์มแฟคเตอร์ สำหรับจุดเด่นข้อกำหนดเป้าหมาย 1.0 สามารถเข้าดูได้ที่ข้อมูลเฉพาะของผลิตภัณฑ์

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Project Athena นั้น ทางอินเทลได้ให้การสนับสนุนด้านวิศวกรรมร่วมกันในระบบนิเวศโดยมีบริษัทมากกว่า 100 แห่งที่ลงนาม และเครื่องมือใหม่ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกของ Open Labs เพื่อรองรับการตรวจสอบและทดสอบแล็ปท็อป

Project Athena ใช้ระยะเวลานานหลายปีกับการประกาศวันนี้ถึงข้อกำหนดเป้าหมาย 1.0 และการนำเสนอพรีวิวการออกแบบที่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

ความเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพสำหรับเกมเมอร์ ผู้คลั่งไคล้ นักเขียนคอนเทนท์ และผู้เชี่ยวชาญ

อินเทลเปิดเผยเพิ่มเติมอีกหลายประการ รวมถึงการเปิดตัว 9th Gen Intel® Core™ รุ่นพิเศษที่มีชื่อว่า i9-9900KS ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจนสามารถทำความเร็วได้ถึง 5 Ghz ในแบบ Turbo ทั้งหมดทุก Core จนรียกได้ว่าเป็นโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปสำหรับเกมที่ดีที่สุดในโลก เท่าที่เคยมีมา และคาดว่าจะพร้อมวางจำหน่ายช่วงวันหยุดปี 2019

เป็นครั้งแรกที่อินเทลจะได้แสดง Intel® Performance Maximizer (IPM) ซึ่งเป็นเครื่องมือการโอเวอร์คล็อกอัตโนมัติ ที่นำการโอเวอร์คล็อกไปสู่มวลชนโดยทำให้ง่ายต่อการปรับแต่งแบบไดนามิกและวางใจได้ในการปรับแต่งการเลือกปลดล็อค 9th Gen Intel® Core™ desktop processor ขึ้นอยู่กับ DNA ประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละบุคคล IPM จะไม่มีค่าใช้จ่ายและเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือ Intel® Adaptix™ Technologies ซึ่งเป็นชุดของเครื่องมือเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ขั้นสูงที่ช่วย OEM และผู้บริโภคในการเพิ่มประสิทธิภาพและให้ประสบการณ์ระดับแพลตฟอร์มสูงสุด ชุดเครื่องมือนี้ยังรวมถึง Intel® Dynamic Tuning Technology, Intel® Extreme Tuning Utility และ Intel® Graphics Command Center

สุดท้ายนี้ทางบริษัทได้แชร์การอัปเดตเพิ่มเติมอีกสามไลน์ผลิตภัณฑ์:

  • อินเทลเปิดตัว 14 โปรเซสเซอร์ใหม่ของ 9th Gen Intel® Core™ vPro processors สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปแบบเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูง (H-series) และเดสก์ท็อป (S-series) ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดทางธุรกิจ Intel® Core™ i9 vPro™ processors – ที่มีมากถึง 8 คอร์และ 16 เธรด แรงสูงถึง 5GHz บนเดสก์ท็อป และ 4.8GHz บนมือถือ – เป็นการเข้าร่วมที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจ Intel® vPro™ platform เป็นครั้งแรกที่มอบประสิทธิภาพที่เหนือกว่าสำหรับปริมาณงานที่ต้องการ ประสบการณ์การใช้งานทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยม คุณสมบัติความปลอดภัยในตัว การจัดการระยะไกลและความเสถียร
  • อินเทลเปิดตัว 14 โปรเซสเซอร์ใหม่ Intel® Xeon® E processors สำหรับเวิร์คสเตชั่นมือถือและเดสก์ท็อปที่สร้างขึ้นด้วยประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ คุณลักษณะด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มในตัว และคุณสมบัติการจัดการระยะไกล เป็นครั้งแรกใน Intel Xeon E processors มากถึง 8 คอร์, 16 เธรด, ความถี่ 5GHz, Wi-Fi6 และ Optane Memory H10 และรองรับหน่วยความจำ ECC DDR4-2666 128 GB
  • นอกจากนี้ อินเทลยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในตระกูล Intel® Core™ X-series ที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มนักสร้างสรรค์ผลงานระดับพรีเมียม โดยจะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ธันวาคม) ที่จะถึงนี้ โปรเซสเซอร์ชุดนี้จะมาพร้อมกับความถี่ ความเร็วของหน่วยความจำ และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยี Intel® Turbo Boost Max 3.0

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพลตฟอร์มการประมวลผลลูกค้าของอินเทลทั้งหมด ไปที่ หน้า Intel.com processors

###

เกี่ยวกับอินเทล

อินเทล (NASDAQ: INTC) เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ และเป็นบริษัทที่จะเข้าไปกำหนด อนาคตการประมวลผลของการใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมของโลก ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของบริษัทมีส่วนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก รวมทั้งช่วยให้อุปกรณ์อื่นๆ อีกนับพันล้านชิ้นมีความปลอดภัย มีพลังงาน และเชื่อมต่อกันได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานของโลกอัจฉริยะ ที่มีการเชื่อมต่อกันระหว่างคลาวด์ (Cloud) มายังเครือข่าย และเป็นตัวเชื่อมให้ทุกอย่างสามารถเข้าหากันได้ หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินเทล กรุณาเข้าไปที่ newsroom.intel.com และ intel.com.

About naruethai

Check Also

ไอบีเอ็มเปิดบริการ IBM Cloud for Financial Services รองรับ Red Hat OpenShift และบริการ Cloud-native พร้อม SAP พาร์ทเนอร์ และฟินเทคกว่า 90 รายเข้าร่วมอีโคซิสเต็ม

ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ ย้ายเวิร์คโหลดสู่ IBM Cloud for Financial Services  กรุงเทพฯ​ ประเทศไทย – ไอบีเอ็ม (NYSE: IBM) ประกาศพร้อมเปิดให้บริการ IBM …

ซัพพลายเชนที่ทันสมัยต้องอยู่บนคลาวด์

บทความโดย นายฟาบิโอ ทิวิติ รองประธาน บริษัท อินฟอร์ อาเชียน องค์กรด้านซัพพลายเชนจะต้องมั่นใจว่าขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ กำลังดำเนินไปอย่างเหมาะสม และมีการใช้เครื่องมือดีที่สุดในทุกขั้นตอนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ความต้องการ, การจัดซื้อ, การผลิต, การจัดการสินค้าคลัง …